มวยปล้ำอาชีพ ของ จอน ม็อกซ์ลีย์

สมาคมอิสระ

จอน ม็อกซ์ลีย์ได้ปล้ำอยู่สมาคมอิสระระหว่างปี 2004 และ 2011[6][7] ร่วมงานกับสมาคม Full Impact Pro(FIP), Combat Zone Wrestling(CZW), Ring of Honor(ROH), Evolve(EVOLVE)[8][9][10][11] และ Dragon Gate USA(DGUSA)[12][13][14] และมีผลงานมากมายเช่น CZW World Heavyweight Championship 2สมัย[15][16][17], FIP World Heavyweight Championship 1สมัย[18][19], HWA Heavyweight Championship 3สมัย[20], HWA Tag Team Championship 5สมัย ร่วมกับ Jimmy Turner (1), Ric Byrne (1), Cody Hawk (1) และ King Vu (2)[21], MPW Heavyweight Championship 1สมัย, MPW Tag Team Championship 1สมัย ร่วมกับ Vance Desmond, IPW World Heavyweight Championship 2สมัย[22][23][24][25], IPW Mid-American Championship 1สมัย, IWA World Tag Team Championship 1สมัย[26][27] ร่วมกับ Hade Vansen และ wXw World Tag Team Championship 1สมัย ร่วมกับ Sami Callihan[28] วันที่ 1 พฤษภาคม 2019 หลังออกจาก WWE ได้มีวิดิโอโปรโมตว่าจอน ม็อกซ์ลีย์จะกลับมาปล้ำในสมาคมอิสระ[29]

ดับเบิลยูดับเบิลยูอี

ค่ายพัฒนาทักษะ

วันที่ 4 เมษายน 2011 เขาได้เซ็นสัญญากับ WWE และ Dragon Gate USA ได้อนุญาตปล่อยตัวเขาออกจากสมาคม[30] เขาเคยปรากฏตัวในสมาคมในนาม จอน ม็อกซ์ลีย์ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2006 ร่วมปล้ำแท็กทีมกับแบรด แอตติจูด แพ้ให้เอ็มเอ็นเอ็ม[4] วันที่ 27 พฤษภาคม 2011 เขาได้เข้าร่วมค่ายพัฒนาทักษะของ WWE, ฟลอริดาแชมเปียนชิปเรสต์ลิง(FCW) ภายใต้ชื่อ ดีน แอมโบรส[31][32] แอมโบรสเปิดตัวใน FCW วันที่ 3 กรกฎาคม โดยการท้าทายเซท รอลลินส์ อีกหนึ่งนักมวยปล้ำที่โดดเด่นในสมาคมอิสระ[31][33] ทั้งคู่ได้มีแมตช์เจอกันครั้งแรกในการชิงแชมป์ FCW 15 แบบ Iron Man 15 นาที ตอนที่ 14 สิงหาคมของ FCW โดยแมตช์จบลงด้วยการเสมอ ทำให้รอลลินส์ยังเป็นแชมป์[34] ในการแข่งขันรอบที่ 2 เพื่อการชิงแชมป์ วันที่ 18 กันยายนของ FCW รอลลินส์ทำแต้มชนะ 3-2[31][34] แอมโบรสสามารถเอาชนะรอลลินส์ไปได้แบบไม่ชิงแชมป์ในรอบแรกของทัวร์นาเมนต์ Super Eight หาแชมป์ฟลอริดาเฮฟวี่เวท FCWคนใหม่[35] แต่ก็แพ้ลีโอ ครูเกอร์ในรอบสุดท้ายแบบสี่เส้า[35] แอมโบรสยังมีความแค้นกับรอลลินส์เพื่อตำแหน่งแชมป์ FCW 15 โดยการทำร้ายแดเมียน แซนดาว ในระหว่างการชิงแชมป์กับรอลลินส์ทำให้รอลลินส์ถูกปรับฟาล์ว[36] แอมโบรสไม่สามารถชิงแชมป์ FCW 15 มาจากแซนดาวได้[37] ก่อนที่ลีอากีชนะทั้งแอมโบรสและรอลลินส์แบบสามเส้าเพื่อหาผู้ท้าชิงอันดับ1 ในการชิงแชมป์ฟลอริดาเฮฟวี่เวท FCW[38] แอมโบรสเริ่มปรากฏตัวในเฮาส์โชว์ของ WWE ในเดือนธันวาคม 2011[39]

เดอะชีลด์

เดอะชีลด์: แอมโบรส, รอลลินส์ และเรนส์

แอมโบรสเปิดตัวค่ายหลักในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2012) พร้อมกับเซท รอลลินส์และโรแมน เรนส์ในนามเดอะชีลด์ โดยมารุมเล่นงานไรแบ็กก่อนจับใส่ท่า Triple Powerbomb กับบนโต๊ะผู้บรรยาย ทำให้ซีเอ็ม พังก์จับกดจอห์น ซีนาชนะป้องกันแชมป์ WWEไว้ได้[40] ในทีแอลซี (2012) เดอะชีลด์ได้ปล้ำแมตช์แรกชนะไรแบ็กและทีมเฮลโน(เคนและแดเนียล ไบรอัน)ในการต่อสู้ด้วยโต๊ะ บันได และเก้าอี้[41] ในรอว์ต้นปี 7 มกราคม เดอะชีลด์ได้ออกมารุมทำร้ายไรแบ็กในการชิงแชมป์ WWE ทำให้พังก์ป้องกันแชมป์ไปได้อีกครั้ง[42] ในรอยัลรัมเบิล (2013)เดอะชีลด์ได้แอบมารุมทำร้ายเดอะร็อก ระหว่างการชิงแชมป์ WWE ซึ่งในตอนแรกพังก์กดนับ 3 ชนะ แต่วินซ์ แม็กแมนออกมาบอกให้เริ่มใหม่เลยทำให้เดอะร็อกคว้าแชมป์ไปได้[43] รอว์คืนต่อมา หลังจากจอห์น ซีนาประกาศเลือกท้าชิงแชมป์ WWE ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 29 เดอะชีลด์ก็มารุมลอบทำร้ายซีนา แม้ว่าเชมัสกับไรแบ็กจะออกมาช่วยแต่ก็โดนรุมทำร้าย สุดท้ายเดอะชีลด์เล่นงานซีนาด้วยท่า Triple Powerbomb[44] ในรอว์ 4 กุมภาพันธ์ เดอะชีลด์โดนซีนา, ไรแบ็ก และเชมัสล้อมเอาไว้ ทำให้เดอะชีลด์วิ่งหนีไปทางหลังเวทีแต่แรนดี ออร์ตันนำทัพนักมวยปล้ำออกมาขวางเอาไว้ เดอะชีลด์เลยโดนทีมซีนาอัดจนน่วม ก่อนที่จะหนีไปทางอัฒจรรย์[45] รอว์ 11 กุมภาพันธ์ เดอะชีลด์ออกมาท้าทายกลุ่มของซีนาว่าถ้าอยากมีเรื่องก็ออกมาเจอกันเดี๋ยวนี้ได้เลย ปรากฏว่าไฟในสนามดับ แล้วกลุ่มของซีนาก็ออกมาไล่อัดเดอะชีลด์จนหนีกระเจิง[46] ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2013) เดอะชีลด์เอาชนะทีมซีนาไปได้[47] ในเรสเซิลเมเนีย 29 เดอะชีลด์ได้เอาชนะเชมัส, แรนดี ออร์ตัน และบิ๊กโชว์[48] รอว์คืนต่อมา ดิอันเดอร์เทเกอร์ได้ออกมาขออุทิศชัยชนะให้กับพอล แบเรอร์ หลังจากที่ชนะซีเอ็ม พังก์ในเรสเซิลเมเนีย เดอะชีลด์ออกมารุมล้อมอันเดอร์เทเกอร์ แต่เคนกับแดเนียล ไบรอันก็ออกมาช่วย[49] ในรอว์ 22 เมษายน เดอะชีลด์ได้เอาชนะอันเดอร์เทเกอร์, เคน และไบรอัน[50] ในสแมคดาวน์ 26 เมษายน แอมโบรสได้ปล้ำแพ้อันเดอร์เทเกอร์ หลังแมตช์เดอะชีลด์ได้รุมเล่นงานอันเดอร์เทเกอร์จนต้องหายไป[51][52]

เป็นแชมป์ยูเอสที่ครองนานสุดในWWE ด้วยเวลา351วัน และนานสุดเป็นอันดับ3 ในประวัติศาสตร์

ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2013) แอมโบรสได้คว้าแชมป์ยูเอสสมัยแรกโดยชนะโคฟี คิงส์ตัน คืนเดียวกันรอลลินส์กับเรนส์ได้คว้าแชมป์แท็กทีม WWEจากทีมเฮลโน ทำให้เดอะชีลด์มีแชมป์ครบทั้งทีม[53][54][55] ในเดือนสิงหาคม 2013 เดอะชีลด์ได้เข้าร่วมกลุ่มดิออธอริตี ของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ทริปเปิลเอช[56] ในรอว์ 27 มกราคม เดอะชีลด์ได้ปล้ำแทกทีม 6 คนกับ แดเนียล ไบรอัน, เชมัส และจอห์น ซีนา เพื่อที่จะเข้าไปปล้ำชิงแชมป์ WWEในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2014) แต่ก็ไม่ชนะเพราะเดอะไวแอ็ตต์แฟมิลีเข้ามาก่อกวนทำให้เดอะชีลด์แพ้ฟาวล์ เดอะชีลด์จึงท้าเจอกับไวแอ็ตต์แฟมิลี ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ แต่สุดท้ายเดอะชีลด์ก็แพ้ไป[57] ในปลายเดือนมีนาคมเดอะชีลด์ได้เป็นฝ่ายธรรมะ[58][59] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 30ชนะเคนกับเดอะนิวเอจเอาต์ลอวส์[60] หลังจากจบเรสเซิลเมเนีย ในรอว์คืนต่อมา แชมป์โลกอย่าง แดเนียล ไบรอัน ได้มาฉลองกับผู้ชม ก่อนจะถูกขัดจังหวะโดยทริปเปิลเอชและเขาได้ขอชิงแชมป์ในคืนนั้น โดยก่อนเริ่มแมตช์นั้นสเตฟานี แม็กแมนได้สั่งให้ เคน, บาทิสตา และออร์ตัน ทำร้ายไบรอันเป็นการสร้างจุดอ่อน และทำให้ทริปเปิลเอชมีโอกาสในการชนะมากขึ้น จนเดอะชีลด์ได้ออกมาจัดการกับพวกกลุ่มของทริปเปิลเอช และได้ช่วยไบรอันจากการกลั่นแกล้งจากกลุ่มทริปเปิลเอช[61] ในรอว์ 14 เมษายน เดอะชีลด์ต้องปล้ำในแฮนดิแคป 11 รุม 3 แต่กรรมการต้องยุติแมตช์ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายอัดกันไม่หยุด ก่อนที่ทริปเปิลเอช, ออร์ตัน และบาทิสตา จะออกมาในนามของกลุ่มเอฟโวลูชั่น เพื่อจัดการกลุ่มเดอะชิลด์โดยเฉพาะ ก่อนจะทำอัดเดอะชิลด์จนหมดสภาพ[62] และประกาศแมตช์อย่างเป็นทางการในสแมคดาวน์ 18 เมษายน ระหว่างเดอะชีลด์เจอกับเอฟโวลูชั่น ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2014) ซึ่งเดอะชีลด์เป็นฝ่ายชนะ[63]

หลังจากเดอะชีลด์ได้รับชัยชนะในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ ดูเหมือนว่าความแค้นของเอฟโวลูชั่นจะยังไม่จบลง เมื่อในรอว์คืนต่อมาแอมโบรสต้องป้องกันแชมป์ยูเอสกับนักมวยปล้ำ 19 คนในแบทเทิลรอยัล โดยเชมัสเป็นฝ่ายชนะคว้าแชมป์ไปในทันที และจบสถิติการครองแชมป์ของแอมโบรส 351 วัน[64] ก่อนที่เอฟโวลูชั่นจะตามมาก่อกวน และทำร้ายเดอะชีลด์ในแมตช์ที่ต้องเจอกับไวแอ็ตต์แฟมิลี[65][66] รอว์สัปดาห์ต่อมา เดอะชีลด์ได้ออกมาท้าเอฟโวลูชั่น หลังจากที่ได้ทำร้ายพวกเขาในสัปดาห์ที่ผ่านมา และรถลีมูซีนกลุ่มเอฟโวลูชั่นก็โผล่มาทางจอยักษ์ในสนาม ทำให้เดอะชีลด์ไม่รอช้าตามไปอัดถึงที่จนกรรมการต้องออกมาห้าม และเอฟโวลูชั่นก็ได้รับคำท้าที่จะเจอกันในเพย์แบ็ค ขณะที่บาทิสตาท้าขอเจอกับโรแมน เรนส์ในคู่เอกของรายการ ซึ่งในแมตช์นั้นสมาชิกที่เหลือของเอฟโวลูชั่น และเดอะชีลด์ต่างก็ยืนอยู่ข้างเวที และในระหว่างแมตช์ทั้งสองฝ่ายต่างอัดกันจนกรรมการบนเวทีต้องยุติการปล้ำ แต่เดอะชีลด์ก็ยังไม่หยุด สเตฟานีจึงเรียกนักมวยปล้ำคนอื่นๆ มาช่วยจัดการเดอะชีลด์ แต่ไม่สำเร็จ และยังโดนเดอะชีลด์เล่นงานคืนได้สำเร็จ ในเพย์แบ็ค (2014) เดอะชีลด์เอาชนะเอฟโวลูชั่นไปได้อีกครั้งแบบแท็กทีม 6 คน ไม่มีกฎกติกา คัดออก รอว์คืนต่อมา บาทิสตาได้ออกจากเอฟโวลูชั่น คืนเดียวกันโรแมน เรนส์มีคิวเจอกับแรนดี ออร์ตัน โดยออร์ตันออกมากับทริปเปิลเอชที่ถือค้อนมาด้วย ทำให้เดอะชีลด์พากันไปหยิบเก้าอี้มาเตรียมไว้ ทริปเปิลเอชบอกว่าบาทิสตามันหนีไปแล้ว แต่เราก็มีแผน 2 เสมอ... ว่าแล้วรอลลินส์ก็เอาเก้าอี้ฟาดใส่เรนส์จากด้านหลัง จากนั้นก็ฟาดแอมโบรสอีกคน รอลลินส์เอาเก้าอี้ไปยื่นให้ออร์ตันเพื่อเอาไปฟาดเรนส์กับแอมโบรสต่ออีก จากนั้นก็ RKO เรนส์ลงบนเก้าอี้ ปิดท้ายรายการโดยมีรอลลินส์ยืนอยู่กับออร์ตันและทริปเปิลเอช เป็นอันว่ารอลลินส์ได้แยกทีมกับเดอะชีลด์ไปแล้ว[67][68]

ปล้ำเดี่ยวและรียูเนียน

ในตอนเปิดศึกกับเซท รอลลินส์

ในสแมคดาวน์ 13 มิถุนายน แอมโบรสกับเรนส์ประกาศจะขอเข้าร่วมมันนีอินเดอะแบงก์ ทริปเปิลเอชโผล่มาทางจอยักษ์ และบอกว่าเหลือที่ว่างอีกแค่ที่เดียวเท่านั้น ดังนั้นจะใช้วิธีการโยนเหรียญตัดสิน ผลการโยนเหรียญคือแอมโบรสจะได้โอกาสปล้ำรอบคัดเลือกเพื่อเข้าสู่มันนีอินเดอะแบงก์โดยเจอกับเบรย์ ไวแอ็ตต์ ระหว่างแมตช์นั้นรอลลินส์ได้มาก่อกวน ทำให้แอมโบรสแพ้หมดสิทธิ์[69] ในเมนอีเวนต์ 17 มิถุนายน รอลลินส์ออกมาบอกว่าศึกมันนีอินเดอะแบงก์จะมีแมตช์ไต่บันได 2 แมตช์ด้วยกัน ซึ่งจะเป็นการชิงกระเป๋าสัญญาในการชิงแชมป์โลก แอมโบรสออกมาและก็ขึ้นไปอัดกับรอลลินส์ เคนออกมาช่วยแต่แอมโบรสก็ถีบเคนตกเวทีไปแล้วก็เหวี่ยงรอลลินส์ลงไปอัดเคนอีก ก่อนที่แอมโบรสจะรีบหนีไป ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2014) แอมโบรสได้เข้าร่วมชิงกระเป๋าโดยรอลลินส์เป็นฝ่ายชนะจากการช่วยเหลือของเคน[70] ในแบทเทิลกราวด์ (2014)แพ้รอลลินส์โดยการปรับ เพราะถูกไล่ออกจากสนามหลังจากทำร้ายรอลลินส์[71] ในซัมเมอร์สแลม (2014)แพ้รอลลินส์ในแมตช์ลัมเบอร์แจ็ก โดยมีนักมวยปล้ำอยู่รอบเวที[72] ในรอว์คืนต่อมา ทั้งคู่ได้รีแมตช์กันในแบบจับกดที่ไหนก็ได้ โดยถูกรอลลินส์กระโดดเหยียบศีรษะ Curb Stomp อัดกับก้อนอิฐจนแพ้น็อก ทำให้ต้องถูกหามขึ้นเปลส่งโรงพยาบาล[73] ซึ่งเป็นบทให้แอมโบรสต้องหายจากการปล้ำเพื่อไปแสดงภาพยนตร์ Lockdown[74]

แอมโบรสได้กลับมาล้างแค้นรอลลินส์ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2014)[75] ในรอว์ 13 ตุลาคม ได้เอาชนะจอห์น ซีนาคว้าสัญญาที่อยู่บนยอดเสาไปเจอกับรอลลินส์ในกรงเหล็กเฮลอินเอเซล (2014)แต่แอมโบรสแพ้จากการก่อกวนของเบรย์ ไวแอ็ตต์[76] ทำให้เจอกันในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2014) แต่แอมโบรสแพ้ฟาล์วเพราะใช้เก้าอี้[77] ในทีแอลซี (2014)ได้รีแมตช์กันในรูปแบบ TLC โดยเบรย์ชนะไปได้[78] ในรอว์ 19 มกราคม ได้เอาชนะแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล แบด นิวส์ บาร์เร็ตต์[79] ทำให้ได้สิทธิ์ชิงแชมป์ในฟาสต์เลน (2015) ผลปรากฏว่าแอมโบรสถูกปรับแพ้ฟาล์ว[80] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 31ได้เข้าร่วมแมตช์ไต่บันไดชิงแชมป์อินเตอร์[81] แต่ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้[82] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2015)ชนะฮาร์เปอร์ไปได้แบบชิคาโกสตรีต์ไฟต์ เป็นชัยชนะครั้งแรกในศึกใหญ่หลังจากแพ้ติดต่อกันถึง 9 ศึก[83] ในเพย์แบ็ก (2015)แอมโบรสได้สิทธิ์ชิงแชมป์โลก 4 เส้ากับรอลลินส์(แชมป์), แรนดี ออร์ตัน และโรแมน เรนส์[84] แต่ไม่ได้แชมป์[85] ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2015)ได้ชิงแชมป์โลกกับรอลลินส์ แต่แอมโบรสชนะฟาล์วเพราะรอลลินส์ดึงกรรมการมาป้องกันตัว ทำให้แอมโบรสอัดโดนกรรมการ หลังแมตช์ถูกออธอริตีรุมทำร้าย แต่เรนส์ออกมาช่วย และแอมโบรสก็ขโมยเข็มขัดไป[86] ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2015)ได้รีแมตช์กับรอลลินส์แบบไต่บันได แต่ไม่ได้แชมป์[87] ในซัมเมอร์สแลม (2015)ได้ร่วมทีมกับเรนส์ชนะเบรย์และฮาร์เปอร์ไปได้[88] คืนต่อมาไวแอ็ตต์แฟมิลีได้เปิดตัวสมาชิกใหม่อย่างบรอน สโตรว์แมน[89] ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2015)แอมโบรสกับเรนส์ได้ปล้ำแท็กทีม 6 คนเจอกับไวแอ็ตต์แฟมิลี โดยคริส เจริโคได้มาร่วมทีมเป็นคนที่สามแต่ก็แพ้[90]

แชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัลในเดือนธันวาคม 2016

ในเดือนพฤศจิกายน รอลลินส์ได้รับบาดเจ็บและต้องสละแชมป์โลก ทำให้มีการจัดทัวร์นาเมนต์หาแชมป์คนใหม่[91] แอมโบรสได้เข้าร่วมและสามารถผ่านเข้ารอบมาได้โดยชนะไทเลอร์ บรีซ[92], ดอล์ฟ ซิกก์เลอร์[93] และเควิน โอเวนส์ แต่ก็แพ้ให้โรแมน เรนส์ในรอบชิงที่เซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2015)[94] ในทีแอลซี (2015)แอมโบรสได้คว้าแชมป์อินเตอร์สมัยแรกจากโอเวนส์[95] ในรอยัลรัมเบิล (2016)ป้องกันแชมป์กับโอเวนส์ไว้ได้แบบลาสแมนสแตนดิ้ง[96] คืนเดียวกันได้เป็นรองผู้ชนะรอยัลรัมเบิลชิงแชมป์โลกโดยทริปเปิลเอชคว้าแชมป์ไปได้[97] ในรอว์คืนต่อมา สเตฟานีได้ประกาศจัดแมตช์สามเส้าระหว่าง แอมโบรส, โรแมน เรนส์ และบร็อก เลสเนอร์ในฟาสต์เลน (2016)เพื่อหาผู้ท้าชิงแชมป์กับทริปเปิลเอชในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 32[98] โดยก่อนฟาสต์เลนในรอว์ 15 กุมภาพันธ์ แอมโบรสเสียแชมป์อินเตอร์คืนให้เควิน โอเวนส์ในแมตช์ 5 เส้า (Fatal 5-Way)[99] ในฟาสต์เลน แอมโบรสไม่สามารถคว้าสิทธิ์ผู้ท้าชิงอันดับ 1 ได้[100] วันต่อมาในรอว์ แอมโบรสได้ถูกเลสเนอร์ลอบทำร้าย[101] ก่อนประกาศท้าเจอเลสเนอร์แบบสตรีตไฟต์ไม่มีกฏกติกาในเรสเซิลเมเนีย[102] ในโรดบล็อกได้แพ้ให้ทริปเปิลเอชในการชิงแชมป์โลก[103] ในเรสเซิลเมเนียแพ้ให้เลสเนอร์[104]

ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2016)ได้คว้ากระเป๋าสิทธิ์ชิงแชมป์โลก[105] และใช้สิทธิ์ได้แชมป์สมัยแรกจากรอลลินส์ที่เพิ่งได้จากเรนส์[106] คืนต่อมาเขาได้ประกาศเจอทั้งรอลลินส์และเรนส์ชิงแชมป์สามเส้าในแบทเทิลกราวด์ (2016)[107][108] 19 กรกฎาคม แอมโบรสได้ถูกดราฟท์ไปสแมคดาวน์ในฐานะแชมป์ WWE[109] ในแบทเทิลกราวด์ป้องกันแชมป์ไว้ได้[110] ในซัมเมอร์สแลม (2016)ป้องกันแชมป์กับดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ไว้ได้[111] ในแบ็กแลช (2016)เสียแชมป์ให้เอเจ สไตส์[112] ในสแมคดาวน์ 3 มกราคม 2017 ได้คว้าแชมป์อินเตอร์สมัยที่2จากเดอะมิซ[113] ในรอยัลรัมเบิล (2017)ได้ร่วมเป็นลำดับที่12 ซึ่งอยู่นานเกือบ 27 นาทีก่อนถูกบร็อก เลสเนอร์เหวี่ยงออก[114][115] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 33ป้องกันแชมป์ได้จากแบรอน คอร์บิน[116] 10 เมษายน 2017 แอมโบรสได้ย้ายมาสังกัดรอว์ในฐานะแชมป์อินเตอร์[117] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2017)เสียแชมป์คืนให้เดอะมิซ[118] ในซัมเมอร์สแลม (2017)ได้ร่วมทีมกับรอลลินส์คว้าแชมป์รอว์แท็กทีม WWEจากซีซาโรและเชมัส ทำให้แอมโบรสเป็นสมาชิกเดอะชีลด์คนแรกที่ได้แชมป์แกรนด์สแลมและแชมป์ทริปเปิลคราวน์ของWWE[119][120] ก่อนเสียแชมป์คืนให้ซีซาโรและเชมัส[121] ในปลายปี 2017 แอมโบรสได้รับบาดเจ็บที่ไทรเซบทำให้ต้องพักหลายเดือน[122][123]

หลังจากพักรักษาตัวไป 8 เดือนแอมโบรสก็ได้กลับมาช่วยเพื่อนอย่างเซท รอลลินส์จนคว้าแชมป์อินเตอร์จากดอล์ฟ ซิกก์เลอร์(พร้อมดรูว์ แม็กอินไทร์)ได้ในซัมเมอร์สแลม (2018)[124][125] ในรอว์วันต่อมาแอมโบรสกับรอลลินส์ได้แต่งชุดเดอะชีลด์ออกมาช่วยเรนส์ที่เป็นแชมป์ยูนิเวอร์แซลจากการแคชอินกระเป๋าของบรอน สโตรว์แมนเป็นการรวมกลุ่มเดอะชีลด์อีกครั้ง[126] ในรอว์ 22 ตุลาคม แอมโบรสกับรอลลินส์ได้คว้าแชมป์รอว์แท็กทีมร่วมกันอีกครั้งก่อนที่จะหักหลังรอลลินส์และกลายเป็นฝ่ายอธรรม[127] และคว้าแชมป์อินเตอร์ได้จากรอลลินส์เป็นสมัยที่3[128] ก่อนเสียให้บ็อบบี แลชลีย์[129] ในฟาสต์เลน 2019 เดอะชีลด์ได้รวมทีมกันอีกครั้งเอาชนะแบรอน คอร์บิน, บ็อบบี แลชลีย์ และดรูว์ แม็กอินไทร์ไปได้[130] ในรายการพิเศษ The Shield's Final Chapter เดอะชีลด์รวมทีมกันเป็นครั้งสุดท้ายสามารถเอาชนะคอร์บิน, ดรูว์ และแลชลีย์ไปได้อีกครั้ง[131] ในเดือนเมษายน 2019 แอมโบรสได้หมดสัญญาและลาออกจาก WWE[1]

ออลอีลีตเรสต์ลิง

ในเดือนพฤษภาคม 2019 เขาได้เซ็นสัญญากับสมาคม All Elite Wrestling (AEW) โดยใช้นาม Jon Moxley[132][133] ในศึก Best Of The Super Jr. ของ NJPW วันที่ 5 มิถุนายน 2019 Moxley สามารถคว้าแชมป์ IWGP United States Championship เป็นเส้นแรกใน NJPW[134][135] ในศึก Revolution ของ AEW 29 กุมภาพันธ์ 2020 Moxley สามารถคว้าแชมป์โลก AEW จากคริส เจอริโคได้สำเร็จ[136]

แหล่งที่มา

WikiPedia: จอน ม็อกซ์ลีย์ http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/05/10/138... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2013/04/26/207... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2013/08/20/210... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2014/06/03/217... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2014/06/17/217... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2014/10/26/220... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/MatMatters/201... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/PPVReports/201... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/PPVReports/201... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/PPVReports/201...